แบบฝึกหัด
1.ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของ E-Commerce คืออะไร
E-Commerce
คืออะไร
E-Commerce มีชื่อที่แปลเป็นภาษาไทยว่า
“พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” โดยความหมายของคำว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
มีผู้ให้คำนิยามไว้เป็นจำนวนมาก
แต่ไม่มีคำจำกัดความใดที่ใช้เป็นคำอธิบายไว้อย่างเป็นทางการ
ซึ่งมีดังนี้
“พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ
การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์” (ศูนย์พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์,
2542)”
“พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การผลิต การกระจาย การตลาด การขาย
หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์และบริการโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์” (WTO, 1998)
“พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ
ธุรกรรมทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ทั้งในระดับองค์กรและส่วนบุคคล
บนพื้นฐานของ การประมวลและการส่งข้อมูลดิจิทัลที่มีทั้งข้อความ เสียง และภาพ”
(OECD, 1997)
จากความหมายของ e-business กับ e-commerce
จะเห็นได้ว่าสองคำนี้มีความหมายที่ใกล้เคียงกัน
แต่อันที่จริงแล้วมีความหมายต่างกัน
โดย e-business สรุปความหมายได้ว่าคือการทำกิจกรรมทุกๆอย่าง ทุกขั้นตอนผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่า แต่ e-commerce จะเน้นที่การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เนตเท่านั้น
จึงสรุปได้ว่า e-commerce เป็นส่วนหนึ่งของ e-business
โดย e-business สรุปความหมายได้ว่าคือการทำกิจกรรมทุกๆอย่าง ทุกขั้นตอนผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่า แต่ e-commerce จะเน้นที่การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เนตเท่านั้น
จึงสรุปได้ว่า e-commerce เป็นส่วนหนึ่งของ e-business
2.จงบอกประเภทของ E-Commerce มีกี่ประเภทอะไรบ้าง
ประเภทของ
E-Commerce มี5ประเภท
1. ผู้ประกอบการ กับ ผู้บริโภค (Business to Consumer -
B2C)คือการค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค เช่น การขายหนังสือ ขายวีดีโอ ขายซีดีเพลงเป็นต้น
2. ผู้ประกอบการ กับ ผู้ประกอบการ (Business to Business – B2B) คือการค้าระหว่างผู้ค้ากับลูกค้าเช่นกัน แต่ในที่นี้ลูกค้าจะเป็นในรูปแบบของผู้ประกอบการ ในที่นี้จะครอบคลุมถึงเรื่อง การขายส่ง การทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain Management) เป็นต้น ซึ่งจะมีความซับซ้อนในระดับต่างๆกันไป
3. ผู้บริโภค กับ ผู้บริโภค (Consumer to Consumer - C2C) คือการติดต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคนั้น มีหลายรูปแบบและวัตถุประสงค์ เช่นเพื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ในกลุ่มคนที่มีการบริโภคเหมือนกัน หรืออาจจะทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง ขายของมือสองเป็นต้น
4. ผู้ประกอบการ กับ ภาครัฐ (Business to Government – B2G)
คือการประกอบธุรกิจระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ ที่ใช้กันมากก็คือเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ หรือที่เรียกว่า e-Government Procurement ในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว รัฐบาลจะทำการซื้อ/จัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่นการประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์ www.mahadthai.com
5. ภาครัฐ กับ ประชาชน (Government to Consumer -G2C)ในที่นี้คงไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะเป็นเรื่องการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยเองก็มีให้บริการแล้วหลายหน่วยงาน เช่นการคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เช่นข้อมูลการติดต่อการทำทะเบียนต่างๆของกระทรวงมหาดไทย ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างในการทำเรื่องนั้นๆ และสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มบางอย่างจากบนเว็บไซต์ได้ด้วย
3. ประโยชน์และข้อจำกัดความ E-Commerce มีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ประโยชน์ของ E-Commerce
คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่ม ประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยลดความสำคัญขององค์ประกอบของธุรกิจที่มองเห็นจับต้องได้ เช่นอาคารที่ทำการ ห้องจัดแสดงสินค้า (show room) คลังสินค้า พนักงานขายและพนักงานให้บริการต้อนรับลูกค้า เป็นต้น ดังนั้นข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์คือ ระยะทางและเวลาทำการแตกต่างกัน จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจอีกต่อไป
ถ้า การสร้างเว็บไซต์ E-Commerce
เพื่อทำเป็นร้านค้าออนไลน์ ที่แสดงสินค้า โดยลูกค้าสามารถเข้าชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง
และ ดำเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก ซึ่งนับเป็นข้อดีอีกข้อของ
การทำ E-Commerce
แต่ถ้าหากเราไม่อยากสร้างเว็บไซต์ E-Commerce ของตัวเอง ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก เราอาจจะใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป ประเภท E-Commerce ช่วยสร้างร้านค้าออนไลน์ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการทำเว็บไซต์ และ ทำให้สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ ได้อย่างรวดเร็ว
การเปิดร้านค้าออนไลน์ ประเภท E-Commerce เป็นการตลาดที่ลงทุนต่ำ และยังง่ายต่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการ Internet ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และ เวลาสำหรับผู้ซื้อกับผู้ขาย และ ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านขายสินค้า ที่ต้องมีการจดทะเบียนต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร เพียงแค่มีสินค้า และ บริการให้กับลูกค้าเท่านั้น เราก็สามารถดำเนินธุระกิร E-Commerce ได้อย่างง่ายดาย
EDI มีความสำคัญต่อ E-Commerce
- เพิ่มความถูกต้อง รวดเร็ว และแม่นยำ ในการรับ-ส่งเอกสาร
- ลดงานซ้ำซ้อน และลดขั้นตอนการจัดการรับ-ส่งเอกสาร
- สามารถนำเอาข้อมูลมาใช้ประโยชน์มากที่สุด
- ลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร เช่น ค่าแสตมป์ ค่าพัสดุไปรษณีย์ และพนักงาน
- เพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
- เพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า
5. จงยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ B2B,B2C,C2C,B2G
เป็นเว็บไซต์ที่ผู้บริโภคสามารถนำสินค้ามาฝากขายหรือใช้บริการของเว็บนี้เปิดร้านเพื่อขายสินค้าแก่ผู้บริโภคคนอื่นได้
แต่ถ้าหากเราไม่อยากสร้างเว็บไซต์ E-Commerce ของตัวเอง ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก เราอาจจะใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป ประเภท E-Commerce ช่วยสร้างร้านค้าออนไลน์ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการทำเว็บไซต์ และ ทำให้สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ ได้อย่างรวดเร็ว
การเปิดร้านค้าออนไลน์ ประเภท E-Commerce เป็นการตลาดที่ลงทุนต่ำ และยังง่ายต่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการ Internet ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และ เวลาสำหรับผู้ซื้อกับผู้ขาย และ ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านขายสินค้า ที่ต้องมีการจดทะเบียนต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร เพียงแค่มีสินค้า และ บริการให้กับลูกค้าเท่านั้น เราก็สามารถดำเนินธุระกิร E-Commerce ได้อย่างง่ายดาย
4. เทคโนโลยี EDI มีความสำคัญต่อ E-Commerce อย่างไร
- เพิ่มความถูกต้อง รวดเร็ว และแม่นยำ ในการรับ-ส่งเอกสาร
- ลดงานซ้ำซ้อน และลดขั้นตอนการจัดการรับ-ส่งเอกสาร
- สามารถนำเอาข้อมูลมาใช้ประโยชน์มากที่สุด
- ลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร เช่น ค่าแสตมป์ ค่าพัสดุไปรษณีย์ และพนักงาน
- เพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
- เพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า
5. จงยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ B2B,B2C,C2C,B2G
มาอย่างละ 2 ตัวอย่าง
ตัวอย่างเว็บไซต์
Business-to-Business (B2B)
TESCO LOTUS
เป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค แบบปลีกให้กับผู้บริโภค
www.boeing.com
ตัวอย่างเว็บไซต์ Business-to-Consumer (B2C)
http://www.amazon.com/
http://www.amazon.com/
ตัวอย่างเว็บไซต์
Consumer-to-Consumer (C2C)
www.ebay.com
เป็นเว็บไซต์ที่ผู้บริโภคสามารถนำสินค้ามาฝากขายหรือใช้บริการของเว็บนี้เปิดร้านเพื่อขายสินค้าแก่ผู้บริโภคคนอื่นได้
www.thaisecondhand.com
เป็นเว็บไซต์ที่ขายสินค้ามือสองก็เป็นธุรกิจแบบ C2C เช่นกัน
6. วิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง และท่านเคยใช้หรือไม่อย่างไร
การโอนเงินผ่านธนาคาร: หากคุณเลือกตัวเลือกนี้ คุณจะชำระเงิน AdWords
โดยการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของคุณไปยังบัญชีธนาคารของ Google
โฆษณาของคุณจะเริ่มทำงานทันทีหลังจากที่เราได้รับการชำระเงินจากคุณ
ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 5 ถึง 10 วันทำการ โดยขึ้นกับประเทศของคุณและธนาคารที่คุณใช้ ไม่เคย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น